บทบาทนักเทคโนโลยีการศึกษา กับการพัฒนาการเรียนการสอน

ท่านปรมาจารย์ด้านเทคโนโลยีการศึกษา รศ.ดร.เปรื่อง กุมุท ได้กล่าวไว้ว่า
"การสอนในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศ ต้องสอนวิธีหาความรู้
เพราะเนื้อหามากมายเหลือคณานับครูไม่สามารถสอนได้หมด
จึงต้องเป็นทั้งผู้ให้ความรู้ ผู้ให้เครื่องมือในการแสวงหาความรู้
และผู้จุดไฟแห่งการเรียนรู้
นอกจากนี้ยังต้องมีความเป็นนักเทคโนโลยีสารสนเทศติดตามความก้าวหน้าในเทคนิควิธีการสอนใหม่ๆ ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อและ
ที่สำคัญต้องเป็นนักจิตวิทยาการเรียนรู้ชั้นเลิศ
เพราะมิฉะนั้นจะ "เพลิน" ให้ความสำคัญกับ
เทคโนโลยีประเภทสื่อหรือเครื่องมือสมัยใหม่
จนลืมนึกถึงผู้เรียนว่าเขาจะเรียนรู้ได้อย่างไร
และเรียนรู้อย่างเป็นสุขได้อย่างไร"

นักเทคโนโลยีการศึกษาพึงตระหนักถึงบทบาทที่แท้จริงของตน คือ เป็นผู้ใช้วิธีการระบบ (Systems Approach) บริหาร สร้างนวัตกรรมและใช้เทคโนโลยีการศึกษาแก้ปัญหาการศึกษา การเรียนการสอน ด้วยการจัดระบบ วางแผนพัฒนาระบบใหม่หรือปรับปรุงระบบเดิมที่มีอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพขึ้น ออกแบบระบบการสอน เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อสามารถให้คำแนะนำบุคคลอื่นได้อย่างถูกต้อง
สร้างสภาพแวดล้อมทางการเรียนและแหล่งเรียนรู้ที่เหมาะสมทำให้ผู้เรียนเรียนรู้ได้ตามวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ผลงานของนักเทคโนโลยีการศึกษาจะต้องสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อพื้นฐานที่รองรับการสร้างนวัตกรรมการศึกษา ในเรื่องต่อไปนี้


เชื่อเรื่องความแตกต่างระหว่างบุคคล
(Individual Difference)
ดังนั้นการสร้างสภาพแวดล้อมและกิจกรรมการเรียนรู้ต้องสนองความแตกต่างของผู้เรียนแต่ละบุคคลให้ได้มากที่สุด
เชื่อเรื่องความพร้อม
(Readiness)
ผู้เรียนจะเรียนรู้ได้เมื่อเขาเกิดความพร้อม
ดังนั้นจึงต้องสร้างความพร้อมด้วยกระบวนการให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามศักยภาพพัฒนาเป็นขั้นเป็นตอนจากฐานเดิมที่มี จนสามารถเชื่อมโยงเรียนรู้สิ่งใหม่ที่ต้องการสอนได้
เชื่อเรื่องการใช้เวลา
(Unit of Time)
เมื่อมนุษย์มีความแตกต่างกัน การเรียนรู้ของแต่ ละคนจึงมีรูปแบบและใช้เวลาต่างกัน
ดังนั้นต้องให้ผู้เรียนแต่ละคนใช้เวลาอย่างเหมาะสมสำหรับเรียนรู้เพื่อใช้เวลาให้เหมาะสมคุ้มค่า

ความเชื่อทั้ง 3 ประการนี้จะอยู่ในความคิดเบื้องหลังรองรับการสร้างนวัตกรรมการศึกษา
นอกจากนี้ยังมีสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในการสร้างสถานการณ์ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ตามหลักจิตวิทยาการเรียนรู้ ทั้ง 4 สถานการณ์
1. การให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมอย่างจริงจังในกระบวนการการเรียน (Active Participation) การออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนที่ผู้เรียนมี ส่วนร่วมจะทำให้เกิดความสนใจจดจ่ออยากเรียนมากกว่าการเรียนที่ต้องนั่งฟังเท่านั้น
2. การให้ผู้เรียนเรียนรู้ไปทีละขั้นตอนย่อยๆ ตามลำดับที่เหมาะสม (Gradual Approximation) การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้
ต้องวิเคราะห์เนื้อหาและจัดลำดับการเรียนรู้จากเนื้อหาเป็นขั้นตอนให้ถูกต้องเหมาะสมกับผู้เรียน
3. การให้ผู้เรียนได้รับทราบผลทันทีทันใด (Immediately Feedback) การตอบสนองให้ผู้เรียนได้ทราบผลการกระทำอย่างรวดเร็วทันที ทันใดจะทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้สูงกว่าการทิ้งระยะห่างจากการกระทำกับการรับทราบผล
4. การให้การเสริมแรงด้วยประสบการณ์แห่งความสำเร็จ (Successful Experience) การให้การเสริมแรงด้วยวิธีการใดในระดับที่เหมาะสม เช่น คำชมเชย รางวัล จะสร้างความประทับใจต่อผู้เรียนและส่งผลให้เกิดความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ต่อไป
จากที่ได้กล่าวมาจะเห็นได้ว่าปัจจบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มีเทคนิควิธีการที่สามารถทำให้เกิดสถานการณ์ที่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักเทคโนโลยีการศึกษาจึงจำเป็นต้องศึกษาพฤติกรรมการเรียนรู้แล้วนำมาออกแบบให้ผู้เรียนได้เรียนรู้แล้วจึงใช้เทคนิคให้เป็นไปตามพฤติกรรมการเรียนรู้อย่างถูกต้องเหมาะสม ยกตัวอย่างบทเรียนคอมพิวเตอร์โดยเทคนิคคอมพิวเตอร์ผู้เรียนสามารถไปเลือกเรียนเนื้อหาใดๆ ได้หมด ทั้งที่ในความเป็นจริงบางเนื้อหาต้องเรียนตามลำดับบางเนื้อหาเลือกเรียนได้ จึงต้องคำนึงถึงการกำหนดขั้นตอนให้เหมาะสม
